
เหล้าในงานบวช ความขัดแย้งระหว่างศรัทธากับประเพณี

ในปัจจุบันภาพที่คุ้นเคยในงานบุญของคนไทย ที่เรามักจะเห็นตามสื่อออนไลน์หรือโซเชียลต่างๆ คือ การมีเหล้าและเบียร์วางเรียงรายบนโต๊ะในการจัดงาน และขณะเดียวกันก็มีพระสงฆ์นั่งสวดมนต์และรับการถวายอาหารในงานนั้น มุมมองของความขัดแย้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของสังคมไทยที่ต้องแบกรับทั้งหลักศาสนาและประเพณีทางสังคม
จากเวทีสาธารณะเกี่ยวกับประเด็นของานบวชที่ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง พระครูพิทักษ์จันทรังษี เจ้าอาวาสวัดจันทรังษี ได้ให้ทัศนะอย่างตรงไปตรงมาว่า “การดื่มแอลกอฮอล์ในงานบวชนั้น มีความขัดแย้งกับหลักศีล 5 และนำไปสู่การขาดสติ แม้ปัจจุบันการดื่มในบริเวณวัดจะลดลงระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่อยากให้ไม่มีในวัดเลย”
การที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลายได้เป็นส่วนหนึ่งของงานบุญและประเพณีหลายๆงาน โดยเฉพาะงานบวช ซึ่งเป็นงานที่สร้างบุญกุศลสำหรับผู้บวชเอง และทำเนียมค่านิยมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป นายผิน ตามประดับ ผู้ผู้ช่วยพิธีกรงานสำคัญที่มีประสบการณ์กับวัดจันทรังษี จังหวัดอ่างทอง มากว่า 30 ปี อธิบายถึงสถานการณ์นี้ว่า “ค่านิยมที่ฝังลึกมานาน คือทุกคนเนี่ย ถ้าไม่มีเหล้าก็จะไม่ทำงาน อะไรก็ไม่เอา ก็จะประชดประชันผ่านคำพูดแรงๆอะไรแบบนี้ ต้องใช้เหล้า ดูเหมือนบ้านอื่นๆ พอมาทำมางานก็จะต้องดื่ม เพื่อให้เชื่อว่ามีพลังในการทำงาน” ความเชื่อที่ว่าการดื่มเหล้าจะช่วยสร้างความสนุกสนานและเพิ่มพลังในการทำงาน กลายเป็นข้ออ้างสำคัญในการนำเหล้ามาใช้ในงานบุญ นายผิน อธิบายต่อในมุมมองของตนเองว่า ถ้าขาดตรงนี้นะ ไม่ว่าจะเป็นงานบวชหรืองานแต่ง จะขาดความสนุก สมมติว่าคุณไปทานอาหาร คุณไม่มีเหล้า จะคุยกันกี่คำ คงคุยกัน 2-3 คำ จบแล้วแยกย้ายลากันกลับบ้าน แต่ถ้ามีเหล้า ก็จะใช้เวลายาวไปถึง 5-6 ทุ่ม
วิวัฒนาการของเครื่องดื่ม
สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งจากเวทีสาธารณะในครั้งนี้ คือ ลักษณะของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบวชก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย นายผิน ตามประดับ ผู้ช่วยพิธีกรงานสำคัญเล่าให้ฟังถึงการเปลี่ยนแปลงว่า จากเดิมแต่ก่อนนั้น การเลี้ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบวช ส่วนมากพบว่าเป็นการจัดเลี้ยงเหล้าขาวหรือสุราขาวกัน มีการดื่มกินพอสมควร บรรยากาศโดยทั่วไปในงานตอนนั้น ไม่ได้มีความคึกครื้นเหมือนสมัยนี้ ซึ่งในปัจจุบันนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากเหล้าขาวก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นเบียร์กับเหล้า หากเจ้าภาพมีฐานะก็จะไม่เกิดปัญหาค่าใช้จ่ายมากนัก นอกจากค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วนั้น ยังมีเรื่องของวงดนตรี-เครื่องเสียงให้เกิดความรื่นเริง มีการจัดโต๊ะเลี้ยงอาหารให้กับแขกในงานแบบโต๊ะจีน และบนโต๊ะจะมีการเลี้ยงเหล้า และจากการคำนวณแล้ว พบว่าค่าใช้จ่ายไปกับเหล้าเปลืองมากที่สุด ประมาณ 40,000-50,000 บาท ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายไว้เลย แล้วในสมัยนี้ ราคาโต๊ะจีน โต๊ะละ 1,000-1,500 บาทต่อโต๊ะ แล้วแต่จำนวนคนนั่งต่อโต๊ะ อย่างน้อยในงานร่วม 20 โต๊ะ มีการเปลี่ยนจากเหล้าขาวหรือสุราขาวกลั่น เป็นเบียร์ เหล้าแดงจากนอกมากขึ้น ซึ่งราคาของเครื่องดื่มก็สูงขึ้น มีราคาที่ต้องจ่ายสูงขึ้น ทั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงรสนิยม แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อและความต้องการความสะดวกสบาย เพราะว่าเหล้าขาวนั้นต้องผสมโซดา ส่วนเครื่องดื่มประเภทเบียร์ กินง่าย ไม่ต้องผสมโซดา และสำหรับแขกผู้ใหญ่หรือแขกคนสำคัญมาร่วมงาน จะมีการเสิร์ฟเหล้าที่มียี่ห้อหรือมีราคาแพงกว่า เพื่อแสดงความเคารพและฐานะของเจ้าภาพ
เมื่อเจาะลึกไปยังประเด็นค่าใช้จ่ายสัดส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบวช จากข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์พบว่า ค่าเหล้าและเบียร์ในงานบวชหนึ่งครั้งอาจสูงถึง 50,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากกว่าค่าอาหาร พระครูพิทักษ์จันทรังษี เจ้าอาวาสวัดจันทรังษี ให้ข้อความคิดเห็นในเวทีสาธารณะครั้งนี้ว่า “บางงานจ่ายค่าเหล้าสูงถึง 50,000 บาท และในบางกรณีงานบวชมีค่าใช้จ่ายรวมเกือบ 500,000 บาท ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่สังคมให้กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบุญ นอกจากนี้ นายสุทิน คงพละ อดีตกำนันตำบลหัวไผ่ ให้ข้อมูลตัวเลขที่ชัดเจนมากขึ้นในงานบวช-แห่นาค บางครั้งเหล้าหมดไป 5-6 ลัง เบียร์อีก 15-20 ลัง ค่าใช้จ่ายที่เยอะหมดไปกับค่าเหล้าค่าเบียร์ และยังมีค่าน้ำแข็งโซดา เฉพาะงานบวชต้องเตรียมเงินค่าเหล้า ค่าเบียร์ ไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่นบาท
ความสนุก หรือกับดักของการเสพติดค่านิยม
เมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลายเป็นเงื่อนไขหรือสัญญาใจที่เข้าใจกันผิดๆของความสนุกในงานบุญ หลายคนเชื่อว่าหากไม่มีเหล้าหรือเบียร์ งานจะไม่สนุกและแขกจะไม่พอใจ นายผิน ตามประดับ ได้สะท้อนความคิดนี้ว่า หากประเมินแล้ว ก็แล้วแต่เจ้าภาพ ถ้าเขามีเงินมาก เขาก็ฟุ่มเฟือยได้ เรื่องเครื่องดื่มที่เลี้ยงในงานหรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ หมดเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร เมื่อลูกชายอายุครบ 20 ปี ได้บวช เขาถือว่าเป็นการบวชลูกครั้งเดียว ย้ำว่า ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเขามีเงินเขาก็จะจัดยิ่งใหญ่ แต่คนที่ไม่ได้มีเงินมากพอนั้น ทำให้ความเชื่อนี้สร้างแรงกดดันให้กับเจ้าภาพที่ต้องจัดหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เพียงพอ แม้จะมีผลกระทบต่อการเงินครอบครัวก็ตาม
พระครูพิทักษ์จันทรังษี เจ้าอาวาสวัดจันทรังษี ได้มองเห็นมุมที่เป็นผลกระทบสำคัญของการมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบวช คือการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศของงาน มีความแตกต่างอย่างชัดเจน งานที่ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รูปแบบงานนั้นจะสะดวกลื่นไหลไปตามปกติ แต่งานที่มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะล่าช้า มีการร้องรำ เต้นอะไรเข้าไป ที่สำคัญคือเรื่องของเวลา งานที่มีการดื่มมักจะยืดยาวกว่าปกติ ส่งผลให้พิธีกรรมทางศาสนาต้องรอคอย ขบวนแห่หรือการเต้นรำนั้นให้เสร็จสิ้นกันก่อน ถ้าเกิดว่าไม่มีอะไรเหล่านี้ในงานบวชที่แม้จริงแล้ว มันก็เป็นงานบุญโดยแท้จริง
บทเรียนจากอดีต
พระครูพิทักษ์จันทรังษี เล่าถึงสถานการณ์ความรื่นเริงต่อเนื่องกับความเมาในวัดจันทรังษีช่วงที่ผ่านมา สมัยหลวงพ่อองค์เก่า มีปัญหาคนเมาทะเลาะวิวาทถึงขั้นต่อยกันและเกือบจะมีการใช้อาวุธปืน โดยเฉพาะในช่วงพิธีเวียนรอบโบสถ์มีการแห่ด้วยรถแห่เคลื่อนที่ ทำให้หลวงพ่อต้องยกเลิกพิธีเวียนโบสถ์และห้ามมีดนตรีภายในวัด เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวัด นับตั้งแต่นั้นมาทางวัดจันทรังษี จึงงดการเวียนรอบโบสถ์และหากมีดนตรีก็ต้องอยู่ข้างนอก ซึ่งช่วยลดปัญหาพฤติกรรมจากการเมาและเต้นรำ ยั่วยุ รวมถึงความไม่สำรวมของผู้เข้าร่วมงานได้มาก
นายผิน ตามประดับ ได้พูดถึงผลกระทบต่อครอบครัวและชุมชนจากการดื่มในงานบวชไม่เพียงแต่ส่งผลต่อบรรยากาศของงาน แต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวและชุมชนในหลายมิติ อย่างผลกระทบในครอบครัว เช่น สามีออกไปงาน พอกลับถึงบ้าน ภรรยาก็จะถามว่า “ทำไมกลับช้าจัง” อะไรประมาณนั้น ซึ่งคนในชุมชนก็จะมองว่า ทำไมดื่มอะไรขนาดนั้น คุณอายุป่านนี้แล้ว ผลกระทบที่ร้ายแรงกว่านั้น คือการเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเด็กและเยาวชน การเห็นผู้ใหญ่ดื่มในงานบุญอาจทำให้เด็กเกิดความเข้าใจผิดว่าการดื่มเป็นส่วนหนึ่งของการทำบุญ พอโตขึ้นมาก็จะบอกว่า “เห็นปฏิบัติมาตั้งแต่ยังเด็ก”
ความหวังและความพยายามเปลี่ยนแปลง
เมื่อพูดถึงช่วงการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงค่านิยมเหล่านี้นั้น แม้จะมีความฝังรากลึกของค่านิยมในงานบวชแล้วก็ตามนั้น แต่ในพื้นที่เองก็มีความพยายามในการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ซึ่งนายสุทิน คงพละ อดีตกำนันตำบลหัวไผ่ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ได้มีการดำเนินการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาเข้ามา และได้ผลที่น่าประทับใจคือ ปีนี้เราจัดการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา มีคนเข้าร่วมถึง 119 คน ทุกคนมีตัวตน งดเหล้าเข้าพรรษา 3 เดือน และหลังจากนั้นเรามีคนที่เลิกได้ 21 คน ในส่วนที่เหลือ เมื่อออกพรรษาแล้ว บางคนก็ยังไม่ได้ดื่มเลย เพราะเราก็ชวนให้เขางดต่อให้ถึงกฐินอีกหน่อยได้ไหม และก็ต่อให้ถึงช่วงเทศกาลปีใหม่
ส่วนในเรื่องของมาตรการของวัดในการจัดการปัญหานั้น ในวัดต่าง ๆ ในพื้นที่ ได้มีมาตรการในการจัดการปัญหานี้เช่นเดียวกัน พระครูพิทักษ์จันทรังษี ได้ดำเนินการออกระเบียบห้ามดื่มสุราในบริเวณวัด โดยมีการติดป้ายขนาดใหญ่ “ห้ามดื่มสุราและห้ามส่งเสียงดังเกินความจำเป็น” ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ผลจากมาตรการนี้ก็สังเกตให้เห็นว่า พอเข้ามาถึงวัด เสียงและพฤติกรรม ก็จะมีการปรับลดลงไม่ได้หยุดแบบ 100% ถือว่ามีการร่วมมือที่ดีขึ้น
ในการเสนอทางออกของการแก้ปัญหาและทางเลือกของงานบวช นายคนิด จิตตวิปูน ไวยาวัจกรวัดกลางและสารวัตรกำนัน ได้เสนอทางออกที่น่าสนใจไว้ว่า “หากใครจะบวชแบบไม่ต้องเลี้ยงเหล้า สามารถมาหาผมได้เลย ใน 5 วัดนี้ (วัดจันทรังษี วัดดาวดึงส์ วัดกลาง วัดเชิงหวาย และวัดเกตุ) โดยสามารถจัดให้ได้เลย ไม่ต้องมีเงื่อนไขค่าใช้จ่ายอะไร ไม่ต้องถวายอะไร” ซึ่งเป็นการเปิดทางเลือกนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสามารถจัดงานบวชที่มีความหมายโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสำหรับการลดปัญหาในระยะยาว นายคนิด ได้เสนอแนวทางที่ว่า หากไม่สามารถหยุดได้ ก็ให้ลดลง ลดขนาด ลดปริมาณ ซึ่งเป็นจุดเล็กๆของการเปลี่ยนแปลงไปในตัว
การเปลี่ยนแปลงค่านิยมและทัศนคติต่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบวช ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายนัก หรือทำตอนนี้แล้วสามารถเปลี่ยนได้ทันที แต่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งวัด ชุมชน และครอบครัว สิ่งที่สำคัญคือการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจว่า การทำบุญไม่จำเป็นต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การแสดงความเคารพและสร้างบรรยากาศที่ดี การแสดงให้เห็นค่าใช้จ่ายที่แท้จริง และการสร้างทางเลือกใหม่ สามารถทำได้ด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ไม่ขัดต่อหลักศาสนาและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังที่พระครูพิทักษ์จันทรังษี กล่าวทิ้งท้ายในเวทีสาธารณะครั้งนี้ไว้ว่า “การที่เขายังติดรูปแบบสิ่งที่เขาทำมา เราจะไปห้ามเขาเลยไม่ได้ จึงต้องค่อยๆ ชี้แนะไปเรื่อย ๆ” การที่จะเปลี่ยนแปลงค่านิยมนี้ จึงต้องอาศัยความอดทนและความเข้าใจในความซับซ้อนของปัญหาด้วย
ข้อมูลจาก เวทีสาธารณะ งานบวชปลอดเหล้า จังหวัดอ่างทอง พฤษภาคม พ.ศ.2568